บทที่ 8 เปิดศึกชิงสามี (ต่อ)

“อ๊ะ แม่นางหลิว ไปได้เสียกับหมอหัว ตั้งแต่เมื่อใดกัน”

“โอ๊ย ขาเตียงข้าหักไปตั้งสองหลัง เรื่องแบบนี้หากฝ่ายชายไม่พูด ข้าจะกล้าแอบอ้างหรือ แต่วันนี้จู้เจี่ยสมองทึบ พูดจาเหลวไหล ตัวข้าจึงต้องอาศัยความกล้า เปิดปากบอกทุกคน”

หลิวอีอีว่าและกอดขาของเติ้งซีแน่นกว่าเดิม แวบหนึ่งนางแอบอมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ชายผู้นี้อายุน้อยยัง แม้ไม่ได้หล่อเหลาดั่งเทพบุตรปั้น แต่ก็ใสซื่อทั้งยังบริสุทธิ์อยู่ ถูกสตรีแตะเนื้อตัวหน่อย บางสิ่งก็เคลื่อนไหวในร่มผ้าให้เห็นอย่างชัดเจน ยามนั้นนางจึงคิดเสียว่า ยังไม่ทันได้แนบชิดกับซ่งเฟิงหัว แต่ได้เย้าหยอกและกอดรัดเติ้งซีสักหน่อย นางก็ชุ่มชื่นหัวใจอย่างที่สุด

ดังนั้นหลิวอีอีจึงเอื้อมมือสูงขึ้นอีกนิด กระทั่งแตะต้นขาเติ้งซีอย่างจงใจ กล้ามขาแน่นๆ และสู้มือนี้ ช่างทำให้หัวใจนางเต้นไหวรุนแรง

“แม่นางหลิว... ทะ ท่านทำสิ่งใด”

หลิวอีอี กลัวจะมีพิรุธให้ผู้อื่นจับได้ นางจึงร้องว่า

“หายใจไม่ออก ข้าเป็นลมแล้ว... หมอหัว รีบมาดูใจภรรยาของท่านเถิด!”

ภายในห้องครัวเรือนซ่ง

หรันอันเจียวทอดมันฝรั่งที่ชุบแป้งเรียบร้อยแล้ว และกลิ่นหอมเตะจมูกทุกคน นอกจากนางโรยเกลือบางๆ คลุกเคล้าผิวของมันฝรั่ง ยังทำน้ำจิ้มมะเขือเทศรสชาติอมหวานอมเปรี้ยวด้วย การทำอาหารของนางคล่องแคล่ว และเหมือนว่ามันได้ดึงตัวตนที่แท้จริงของหญิงสาวออกมา

ยามนี้สองโลกเชื่อมต่อกันแล้ว และผู้มาใช้ร่างนี้เริ่มเข้าใจสิ่งต่างๆ มากขึ้น นอกจากนั้น นางยังรับรู้ได้ว่า การเดินทางอยู่ในร่างนี้ นางมีความสามารถการทำอาหารติดตัวมาด้วย นอกจากนั้นยังรับรู้ได้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า แม้เป็นภาพที่ยังไม่แจ่มชัด แต่หรันอันเจียวเชื่ออย่างสนิทใจ ในไม่ช้านางย่อมเป็นผู้ล่วงรู้อนาคต ในยุคสมัยดังกล่าว เรียกผู้มีสัมผัสพิเศษเช่นนี้ หากไม่เป็นเจ้าลัทธิ ก็คงเป็นหมอดูเทวดาสามตา

เมื่อทอดมันฝรั่งวางลงบนโต๊ะ ซ่งโม่โฉวชิมไปก็ร้องชอบใจ และตบมือเปาะแปะ ส่วนถงนึ่ง ตอนแรกเอาแต่จ้องหรันอันเจียวไม่วางตา ทว่าพอเห็นฝีมือการเข้าครัวอีกฝ่าย นางก็เหงื่อตกทันที กระนั้นด้วยอยู่ที่นี่มาก่อน และยังปรารถนาเป็นสตรีข้างกายซ่งเฟิงหัว มีหรือที่นางจะยอมให้กับสตรีที่มีราคาแค่ห้า ตำลึงเงินมาอยู่เหนือกว่าตน

“ในฐานะที่ข้า เป็นคนสนิทมาก...ถึงมากที่สุดของหมอหัว และรู้จักกันมานาน อย่างไรต้องตรวจสอบทุกอย่างที่จะให้คนเรือนนี้กิน”

หรันอันเจียวไม่ขัด และยังเชื้อเชิญอีกฝ่ายอย่างดี

ฝ่ายถงนึ่งรู้ว่ามันฝรั่งทำอาหารได้หลากหลายอย่าง ทั้งนำไปผสมแป้งทำขนมย่าง แล้วใส่ไส้ต่างๆ กินกับน้ำจิ้มเปรี้ยวเผ็ด หรือห่อใส่หมูแล้วลวกกินเล่น กระทั่งทำเส้นบะหมี่ หากครั้งนี้สตรีไร้หัวนอนปลายเท้า กับเพียงแค่ทอดมันให้กรอบ โดยใช้การทอดสองครั้ง แล้วกินกับน้ำจิ้มเข้มข้นที่ทำจากมะเขือเทศ แล้วเหตุใดถึงมีรสชาติอร่อยจนหยุดไม่ได้เช่นนี้ และนางกินหมดไปสามชิ้น แต่พอจะหยิบชิ้นใหม่เข้าปากอีก ก็ยั้งมือไว้ทัน

“แม่นางรุ่ย ตอบข้ามาตามตรง... เจ้าใส่พิษชนิดในลงไปในอาหารจานนี้”

เมื่อถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม หลันอันเจียวจึงนิ่วหน้า ทว่าไม่ได้คิดโต้ตอบด้วยความรุนแรง

“ข้าเพียงแค่ทอดมันสองครั้งให้กรอบ และดึงรสชาติที่แท้จริงของมันฝรั่งออกมา หาได้ทำสิ่งอันตรายต่อสุขภาพผู้อื่น”

“ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่อยากเชื่อ อาหารพื้นๆ เพียงเท่านี้ กลับทำให้กินไม่หยุด เอ... หรือเจ้ามีไสย์เวทย์ ของพวกนอกด่าน”

หรันอันเจียวยิ้มเย็นให้อีกฝ่าย และคนที่เอ่ยแทรกก็คือซ่งโม่โฉว

“ป้านึ่งคงหิว... ท่านพ่อบอกเวลาหิว คนเรากินอะไรก็อร่อยทุกอย่าง ลองเลียนิ้วดูสิ มันอาจอร่อยมากๆ ก็ได้”

ถงนึ่งเกือบเอื้อมมือไปหยิกพุงยื่นๆ เด็กชายแล้ว แต่ดีที่เตือนสติตนได้ทัน และในตอนนั้นเสียงของซ่งซินหยานก็ก้าวเข้ามาในครัว

“ไปเร็ว... ทุกคนไปช่วยห้ามศึกที่เรือนตรวจคนไข้กัน แม่นางจู้กับแม่นางหลิว ตบตีกันใหญ่ ตอนนี้ทั้งคู่ต่างสลบไม่ได้สติ!”

เมื่อเด็กหญิงว่าอย่างนั้น ถงนึ่งเลยฉุนเฉียวขึ้นทันที นางไม่ควรเสนอตัวมาที่ครัวแห่งนี้เลย เลยพลาดโอกาสได้ทำตัวอ่อนแอให้ซ่งเฟิงหัวรักษา

“เสี่ยวหยาน แล้วใครเป็นคนก่อเรื่องก่อน” ถงนึ่งถามเด็กหญิง

“เท่าที่ข้ารู้ แม่นางจู้ บอกว่า... ท่านพ่อลืมเอ่อ... สายคาดเอวไว้ที่เรือนของนาง แต่แม่นางหลิว บอกว่าฝ่ายนั้นโกหก และอ้างว่า ท่านพ่อเป็นฝ่ายนัดนางให้มาหาคืนนี้ เพื่อคุยเรื่องสำคัญแบบสองต่อสอง ในเรือนรับรองด้านนอก”

หรันอันเจียวได้ยินเรื่องดังกล่าว ก็อดอมยิ้มไม่ได้ นางรู้ว่าซ่งเฟิงหัวเป็นบุรุษรูปงาม ทั้งยังมีเมตตา แม้ยามนี้ไม่ใช่ขุนนางใหญ่ มีเงินทองมหาศาล แต่เพียงเท่านี้ เขาก็ดีกว่าใครหลายคนในเมืองฉิน

ฝ่ายถงนึ่งหันขวับมามองหรันอันเจียว และนางก็ประหลาดใจมาก

“แม่นางรุ่ย... ไม่ได้ยินหรือว่า มีสตรีสองคนตบตีกันแย่งหมอหัว”

“ได้ยิน และจะให้ข้าทำเช่นไร”

“โอ้ ชะตาเจ้าจะขาดอยู่แล้ว หากหมอหัว เลือกพวกนางสักคนเป็นภรรยา เจ้ายังจะอยู่เรือนหลังนี้ได้หรือ สมควรต้องหึงหวง หรือแสดงตัวให้ผู้อื่นรู้ว่า หมอหัวพาเจ้ากลับเรือนมา เพื่อการใด”

ถงนึ่งร้อนอกร้อนใจแทนหรันอันเจียว แต่ฝ่ายนางก็ยังนิ่งเฉย และตั้งใจจะเตรียมอาหารสำหรับคืนนี้ต่อ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป